วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ขั้นตอนการทำโครงงานคอมพิวเตอร์

ขั้นตอนการทำโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์เป็นกิจกรรมที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องหลายขั้นตอน และแต่ละขั้นตอนจะมีความสำคัญต่อโครงงานนั้น ๆ การแบ่งขั้นตอนของการทำโครงงานอาจแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของโครงงานและการวางแผนการทำโครงงานในที่นี้จะบ่งการทำงานออกเป็น 6 ขั้นตอนดังนี้
1. การคัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจทำ
โดยทั่วไปเรื่องที่จะนำมาพัฒนาเป็นโครงงานคอมพิวเตอร์ มักจะได้มาจากปัญหา คำถาม หรือความสนใจในเรื่องต่าง ๆ จากการสังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัว นักเรียนสามารถจะศึกษาการได้มาของเรื่องที่จะทำโครงงาน การอ่านค้นคว้า การไปเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ การฟังบรรยาย รายการวิทยุโทรทัศน์ สนทนาอภิปราย กิจกรรมการเรียนการสอน งานอดิเรก การเข้าชมงานนิทรรศการหรืองานประกวดโครงงานคอมพิวเตอร์ ในการตัดสินใจเลือกหัวข้อที่จะนำมาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ ควรพิจารณาองค์ประกอบสำคัญดังนี้
- จะต้องมีความรู้และทักษะพื้นฐานอย่างเพียงพอในหัวข้อเรื่องที่จะศึกษา
- สามารถจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องได้
- มีแหล่งความรู้เพียงพอที่จะค้นคว้าหรือขอคำปรึกษา
- มีเวลาเพียงพอ
- มีงบประมาณเพียงพอ
- มีความปลอดภัย
2. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล
รวมถึงการขอคำปรึกษาจากผู้ทรงคุณวุฒิช่วยจะช่วยให้นักเรียนได้แนวคิดที่ใช้ในการกำหนดของเขตของเรื่องที่จะศึกษาได้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งความรู้เพิ่มเติมในเรื่งที่จะศึกษาจนสามารถใช้ออกแบบและวางแผนดำเนินการทำโครงงานนั้นได้อย่างเหมาะสมในการศึกษาค้นคว้าดังกล่าว นักเรียนจะต้องบันทึกสรุปสาระสำคัญไว้ด้วย
จะต้องพิจารณาดังนี้ มูลเหตุจูงใจและเป้าหมายในการทำ วัสดุอุปกรณ์ ความต้องการของผู้ใช้งานและคุณลักษณะของผลงาน (Requirement and Specification) วิธีการประเมินผล วิธีการพัฒนา ข้อสรุปของโครงงาน ความแปลกใหม่ ความคิดสร้างสรรค์ แนวทางในการปรับปรุงหรือขยายการทดลองจากงานเดิม
3. การจัดทำเค้าโครงของโครงงานที่จะทำ
จำเป็นต้องกำหนดกรอบแนวคิดและวงแผนการพัฒนาล่วงหน้าเพื่อคาดการณ์ความเป็นไปได้ของโครงงาน ขั้นตอนที่สำคัญคือ ศึกษาค้นคว้าเอกสาร วิเคราะห์ข้อมูล ออกแบบการพัฒนา เสนอเค้าโครงของโครงงานต่ออาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อขอคำแนะนำและปรับปรุงแก้ไข
4. การลงมือทำโครงงาน
 เมื่อเค้าโครงได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการพัฒนาตามขั้นตอนที่ได้วางแผนไว้ดังนี้ เตรียมการ ลงมือพัฒนา ตรวจสอบผลงานและแกไข อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ แนวทางในการพัฒนาโครงงานในอนาคต
5. การเขียนรายงาน
 เป็นสื่อความหมายเพื่อให้ผู้อื่นได้เข้าใจแนวความคิด วิธีดำเนินการศึกษาค้นคว้า ข้อมูลที่ได้ ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่าง ๆ เกี่ยวกับโครงงานนั้น ในการเขียนควรใช้ภาษาที่อ่านเข้าใจได้ง่าย ชัดเจน กระชับ และตรงไปตรงมาให้ครอบคลุมหัวข้อต่าง ๆ
6. การนำเสนอและการแสดงผลงานของโครงงาน 
เป็นการนำเสนอเพื่อแสดงออกถึงผลิตผลของความคิด ความพยายามในการทำงานที่ผู้ทำโครงงานได้ทุ่มเท และเป็นวิธีที่ให้ผู้อื่นได้รับรู้และเข้าใจในโครงงานนั้น ในการเสนออาจทำได้หลายรูปแบบ เช่น ติดโปสเตอร์ การรายงานตัวในที่ประชุม การแสดงผลงานด้วยสื่อต่าง การจัดนิทรรศการ การอธิบายด้วยคำพูด

จากhttp://www.montfort.ac.th/mcs/dept/computer/computer/02139/02139.html

วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ตัวอย่างโครงงาน



ชื่อโครงงาน

ระบบควบคุมไฟจราจรอัจฉริยะ

ชื่อผู้ทำโครงงานนายพุฒิกร กิตติการอำพล,นายพีรพงศ์ สุวรรณโพธิ์รุ่ง,นายธนพล สุขายะ
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาผศ.ดร.อรฉัตร จิตต์โสภักตร์ 
สถาบันการศึกษาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง 
ระดับชั้นปริญญาตรี 
หมวดวิชาคอมพิวเตอร์ 
วัน/เดือน/ปี ทำโครงงานไม่ระบุ
บทคัดย่อ















สรุป
การจราจรเป็นปัญหาใหญ่และสำคัญของประเทศ ส่งผลเสียทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมมูลค่ามหาศาล ด้วยการควบคุมไฟสัญญาญไฟจราจนในเวลาปัจจุบัน ทำให้ไม่มีความยืดหยุ่นต่อการควบคุมการจราจร ดังนั้นทางผู้พัฒนาระบบควบคุมสัญญาณไฟจราจรที่มีความยืดหยุ่นต่อสภาพการจราจรในปัจจุบัน เรียกว่าระบบควบคุมไฟจราจรอัจฉริยะ โดยมีการแบ่งระบบย่อยออกเป็นสองระบบ คือ ระบบที่ใช้ตรวจวัดสภาพารจราจรในปัจจุบันในแต่ละทางแยกจะใช้ทฤษฏีการประมวลผภาพในการทำงาน และระบบที่เป็นส่วนในการตัดสินใจควบคุมไฟจราจรจะใช้ Rule-Based Agent ในการเลือกการควบคุมในการแยกจะมีการติดต่อประสานงานระหว่าง Agent ที่อยู่ข้างเคียงผ่านเน็ตเวิร์ก โดยทั้งสองระบบจะทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการควบคุมสัยญาณไฟจราจร




จราจรอัจฉริยะ โดยมีการแบ่งระบบย่อยออกเป็นสองระบบ คือ ระบบที่ใช้ตรวจวัดสภาพารจราจรในปัจจุบันในแต่ละทางแยกจะใช้ทฤษฏีการประมวลผภาพในการทำงาน และระบบที่เป็นส่วนในการตัดสินใจควบคุมไฟจราจรจะใช้ Rule-Based Agent ในการเลือกการควบคุมในการแยกจะมีการติดต่อประสานงานระหว่าง Agent ที่อยู่ข้างเคียงผ่านเน็ตเวิร์ก โดยทั้งสองระบบจะทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการควบคุมสัยญาณไฟจราจร






อ้างอิง http://www.vcharkarn.com/project/view/624